การฝากครรภ์ จะได้รับประโยชน์ทั้งตัวคุณแม่และเจ้าตัวเล็กในครรภ์ แต่ละครั้งคุณหมอจะใช้เวลาในการตรวจครรภ์ไม่นานเพราะมีรูปแบบการตรวจที่แน่นอนซึ่งพยาบาลจะตรวจไว้ก่อน ได้แก่ ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต ตรวจปัสสาวะหาน้ำตาลและโปรตีน (ไข่ขาว) ข้อมูลเหล่านี้ช่วยตรวจกรองโรคครรภ์เป็นพิษได้ ซึ่งมีอาการสำคัญคือ ความดันโลหิตสูง น้ำหนักตัวขึ้นมาก พบโปรตีนในปัสสาวะ และมีอาการบวม
เมื่อถึงคิวตรวจ คุณหมอก็จะถามไถ่ถึงอาการผิดปกติต่างๆ ของคุณแม่และการดิ้นของลูกน้อย ในช่วง 3 เดือนแรกคุณแม่ส่วนใหญ่จะมีอาการแพ้ท้องมากน้อยต่างกัน คุณหมอจะแนะนำการกินอยู่และจัดยาที่มั่นใจว่าปลอดภัยเพราะเป็่นช่วงที่ลูกกำลังสร้างอวัยวะ จึงมีโอกาสพิการได้หากคุณแม่รับเชื้อโรคบางชนิดหรือรับประทานยาด้วยความไม่ระมัดระวัง คุณหมอจะแนะนำให้คุณแม่ทราบว่า อาหารโปรตีนที่จำเป็นในการเจริญเติบโตของลูกมีเนื้อ นม ไข่ ไม่ต้องเพิ่มแป้ง ไขมัน ส่วนผ้กและผลไม้รวมทั้งน้ำต้องเพิ่มเผื่อลูก
จะมีการนัดตรวจอัลตราซาวด์ 2 ครั้ง ตามมาตรฐานการดูแลครรภ์คือ 20 สัปดาห์ และช่วงใกล้คลอดประมาณ 36 สัปดาห์ เพื่อสำรวจคามพิการและติดตามการเจริญเติบโตของลูก และทุกครั้งที่มาตรวจครรภ์คุณหมอจะตรวจระดับยอดมดลูก ซึ่งมีเกณฑ์มาตรฐานการตรวจว่าลูกโตสมส่วนกับอายุครรภ์หรือไม่ ถ้าพบว่าใหญ่หรือเล็กกว่าเกณฑ์ก็ต้องตรวจอัลตราซาวด์เพิ่มเติม จะตรวจอัลตราซาวด์บ่อยแค่ไหนก็ขึ้นกับว่าแพทย์ตรวจพบความผิดปกติหรือไม่
นอกจากนี้ยังมีคลินิกฝากครรภ์เฉพาะคุณแม่ที่ตรวจพบความผิดปกติ เช่น คลินิกคุณแม่เบาหวาน คุณแม่ที่มีโรคเลือดจางทาลัสซีเมีย คุณแม่ครรภ์แฝด เป็นต้น คลินิกคุณแม่ครรภ์เสี่ยงสูงเหล่านี้มักตรวจพบปัญหาของโรคหรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ทำให้คุณหมอมุ่งติดตามเฉพาะด้านอย่างใกล้ชิด ก็จะช่วยให้ "ลูกเกิดรอด แม่ปลอดภัย" สมความปรารถนาทุกคนที่มาฝากครรภ์
ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ ตอบปัญหาสารพัน เพื่อครรภ์คุณภาพ รศ.พญ. เฉลิมศรี ธนันตเศรษฐ